จากการวิจัยเกี่ยวกับปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผลของการวิจัยได้ชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของปัญหาว่า ส่วนหนึ่งเกิดมาจากความไม่รู้กฎหมายของผู้ประสบปัญหาและครอบครัว ความไม่รู้กฎหมายนี้เองที่เป็นตัวสร้างปัญหา และในหลายต่อหลายครั้งก็เป็นตัวที่ทำให้ปัญหาต่างๆ ทวีความรุนแรงขึ้น ดังนั้น ในการแก้ไขปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติ สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุด คือ การสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติ บุคคลที่จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา หรือแม้แต่กลุ่มคนอีกประเภทหนึ่งซึ่งเป็นผู้สร้างปัญหานั้นเสียเองอย่างไรก็ตาม บุคคลที่จะสามารถแก้ไขปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติได้ดีที่สุด ก็คือ บุคคลที่ตกอยู่ในสภาพการณ์นั้น อันได้แก่ เจ้าของปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติ เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นผู้ที่เข้าใจถึงปัญหาของตนเองได้ดีที่สุด
นอกจากนี้แล้ว พวกเขาย่อมจะเป็นผู้ที่มีความสนใจ กระตือรือร้น ในการแก้ไขหรือเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นกับตนอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด แต่เนื่องจากความไม่รู้กฎหมายและไม่รู้จักวิธีการใช้กฎหมายเพื่อการรักษาโรคของความไร้รัฐไร้สัญชาติเหล่านี้ อุปสรรคต่างๆ จึงตามมา และปัญหาจึงไม่ได้รับการแก้ไขอย่างตรงประเด็นนอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่เป็น “ที่ปรึกษาโครงการ” หรือ “ครูอาสา” ในการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ให้กับเจ้าของปัญหาและครอบครัว ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของหลายๆ ภาคส่วนในสังคมไทย เป็นกลุ่มคนที่จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง "จำลองห้องเรียนกฎหมาย" ทั้งในพื้นที่ส่วนกลาง คือ กรุงเทพฯ และในพื้นที่อื่นๆ ที่ปรากฏคนไร้รัฐไร้สัญชาติ เป็นลักษณะของห้องเรียนกฎหมายเคลื่อนที่ เพื่อสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านกฎหมายให้แก่ชาวบ้านที่ประสบปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติ รวมไปถึงองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานั้นๆ
นอกจากองค์ความรู้ที่จะได้รับแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ห้องเรียนกฎหมายจะปลูกฝังให้แก่นักเรียนทุกคน โดยเฉพาะเจ้าของปัญหา คือ ความกล้าหาญ ที่จะลุกขึ้นต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิที่ตน ครอบครัว และชุมชนควรจะได้รับตามกฎหมาย ทั้งนี้เมื่อเจ้าของปัญหาทุกคนมีความรู้รวมกับความกล้าหาญที่จะนำความรู้นั้นไปใช้แก้ไขปัญหาแล้ว ในที่สุดแล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา ก็คือ ความมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาความไร้รัฐไร้สัญชาติในทุกจุดเล็กๆ ของสังคมไทยด้วยตัวของคนไร้รัฐไร้สัญชาติเอง